เรื่องที่ควรรู้ก่อนการใช้เครื่องมือทดลองทางวิทายศาสตร์

ในการทดลองหรือการปฏิบัติงานในห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์นั้น โดยปกติแล้วผู้ปฏิบัติงานจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจถึงข้อควรปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในการทำงานภายในห้องปฏิบัติการ ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายผู้ทดลองหรือผู้อื่นและอาจก่อความเสียหายต่อทรัพย์สินต่างๆ เราจึงต้องควรศึกษาหลักข้อบังคับพื้นฐานต่างๆ ไว้ครับ ในวันนี้เราจะพาทุกๆ ท่านมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานภายในห้องทดลองและการใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องกันครับ กฏและข้อปัฏิบัติพื้นฐานในการใช้ห้องทดลองที่เราควรรู้ ข้อปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ ผู้ปฏิบัติงานจำเป็นต้องรู้ข้อเพื่อความปลอดภัยและเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเป็นอันตรายและอาจเกิดความเสียหายได้ ซึ่งสามารถแบ่งเป็นข้อควรปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ แบ่งเป็น 2 ด้านหลัก คือ 1. ด้านกาพภายและการแต่งกาย ผู้ทดลองต้องรู้แผนผังอาคาร แผนผังห้องปฏิบัติการ ทางเข้า-ออก และทางหนีไฟ เผื่อไว้สำหรับเกิดเหตุฉุกเฉิน ผู้ทดลองต้องรู้ตำแหน่งอ่างล้างทำความสะอาดเพราะความเสี่ยงจากการสัมผัสสารเคมีอันตรายได้…

Read more

เช็กลิสต์ อุปกรณ์ในห้องแล็ปมีอะไรบ้าง

พอพูดถึงห้องแล็ปทุกคนคงนึกถึงนักวิทยาศาสตร์ที่กำลังปรุงสารเคมีเพื่อหาสูตรเคมีใหม่ๆ แต่จะมีใครรู้บ้างไหมว่าในห้องแล็ปของนักวิทยาศาสตร์มีอุปกรณ์อะไรบ้างที่จำเป็นสำหรับห้องแล็ปบ้าง แล้วอุปกรณ์อันนี้ใช้ทำอะไรในห้องปฏิบัติการทางเคมีบ้าง เราไปดูพร้อมกันเลย  อุปกรณ์จำเป็นในห้องแล็ป ที่คุณต้องรู้จัก บีกเกอร์ (Beaker) บีเกอร์ถือเป็นอุปกรณ์ในห้องแล็ปที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ซึ่งบีกเกอร์เป็นอุปกรณ์พื้นฐานในห้องปฏิบัติการทางเคมี ใช้สำหรับเตรียมสารละลาย ต้มสารละลาย ตกตะกอน ผสมสารหรือใช้สารเพื่อทำปฏิกิริยาระหว่างตัวสาร  ซึ่งบีกเกอร์มีหลายขนาดตั้งแต่ขนาดเล็ก 50 ml ไปจนถึง 5 L โดยคุณสมบัติของบีกเกอร์แบบแก้วก็คือทนความร้อนได้ดี แต่บีกเกอร์บางประเภทก็ทำจากพลาสติกที่ไม่สามารถตั้งไฟได้ ราคาบีกเกอร์ประเภทนี้ก็จะราคาถูกกว่าบีกเกอร์แบบแก้ว…

Read more

หลักการเรียนรู้ที่สำคัญตามแบบของ นีโอ-ฮิวแมนนิส

พูดถึงเรื่องของการศึกษาไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้มีสิ่งต่างๆมากมายที่เราจำเป็นจะต้องเรียนรู้และพัฒนาอย่างที่เราหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่าการศึกษาไทยอาจจะยังไม่ตอบโจทย์กับการพัฒนาความรู้ทักษะความสามารถของเด็กหลายๆคนเพราะทุกคนเกิดมามีความรู้ความสามารถมีความถนัดและความชอบที่แตกต่างกันดังนั้นหลักสูตรการเรียนที่ถูกออกแบบมาเพียงหลักสูตรเดียวแล้วใช้กับเด็กทุกคนนั้นจึงเป็นสิ่งที่ดูขัดแย้งกับความต้องการในการพัฒนาและดึงศักยภาพในตัวเด็กออกมานั่นเองด้วยเหตุผลข้อนี้จึงทำให้เกิดโรงเรียนทางเลือกต่างๆขึ้นมามากมายและโรงเรียนทางเลือกแต่ละแห่งก็มีหลัก วิธีการเรียนตามทฤษฎีต่างๆมากมายด้วยเช่นกันและสำหรับวันนี้เราจะพูดกันถึงหลักการทำงานและการเรียนที่สำคัญตามแบบฉบับของการเรียนในโรงเรียนทางเลือกแบบนีโอฮิวแมนนิสว่ามีหลักการสำคัญอะไรบ้าง หลักการเรียนรู้ที่สำคัญของ  นีโอ-ฮิวแมนนิสต์ ประสิทธิภาพการทำงานของคนเราจะเปลี่ยนแปลงไปตามคลื่นสมองที่เราส่งไปและหลักการสำคัญของนีโอฮิวแมนนิสเชื่อว่าการเรียนรู้ในช่วงเวลาที่มนุษย์มีคลื่นสมองต่ำ จะทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากที่สุดแน่นอนว่ายิ่งขึ้นสมองต่ำลงเท่าไหร่ยิ่งดีเพราะการที่คนเรามีคลื่นสมองต่ำแบบนี้หมายความว่ามนุษย์เรากำลังมีความสุขสงบทางจิตใจและมีสมาธิใจเย็นอารมณ์ดีพร้อมที่จะมีความคิดสร้างสรรค์และเป็นช่วงเวลาที่ไม่ฟุ้งซ่าน  แต่การที่เราจะเกิดขึ้นสมองต่ำก็ไม่ใช่ เรื่องที่จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติได้แต่เราจำเป็นที่จะต้องฝึกและพัฒนาทักษะในจุดนี้ขึ้นมาโดยใช้วิธีการฝึกสมาธิหรือการทำโยคะก่อนเข้าห้องเรียนซึ่งวิธีการเหล่านี้จะเป็นการช่วยให้กล้ามเนื้อและระบบประสาทต่างๆรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้นหลักการเรียนการสอนตามแบบฉบับนีโอฮิวแมนนิส จึงใช้กิจกรรมเหล่านี้สำหรับการเตรียมความพร้อมของเด็กๆก่อนเข้าห้องเรียนนั่นเองและนอกจากนี้แล้วยังมีกิจกรรมอื่นๆที่สามารถใช้ได้ผลไม่ว่าจะเป็นการเล่านิทานการกอดการใช้ท่าทางที่อบอุ่นเสียงเพลงหรือแม้กระทั่งคำพูดในเชิงบวกคำชื่นชมและให้กำลังใจจากคนรอบข้างก็มีส่วนทำให้คลื่นสมองต่ำลงได้เช่นกัน ความฉลาดเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมมากกว่าพันธุกรรมดังนั้นความฉลาดจึงเป็นสิ่งที่สามารถฝึกฝนกันได้ซึ่งแน่นอนว่าความฉลาดนั้นเกิดจากเซลล์สมองประสานเข้าด้วยกันจึงได้เรียกกระบวนการนี้ ว่าเซลล์ประสานประสาทซึ่งถ้าหากใครมีเซลล์ประเภทนี้เยอะๆก็จะเรียนรู้เรื่องต่างๆได้ดีและเร็วขึ้น เซลล์ต่างๆเหล่านี้จะขยายตัวได้ดีเมื่อเราใช้มือและเท้าซึ่งเป็นอวัยวะที่มีเซลล์ประสาทอยู่มากที่สุดของร่างกายดังนั้นการเรียนการสอนแบบนีโอฮิวแมนนิสจึงเน้นให้เด็กออกนอกห้องปีนป่ายวิ่งเล่นกิจกรรมเคลื่อนไหวเพื่อให้มือและเท้าทำงานมากที่สุด เรื่องของจิตใต้สำนึกเป็นสิ่งที่สำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยเด็กจะเป็นช่วงวัยที่มีการรับรู้ในเรื่องที่ส่งผลให้จิตสำนึกทำงานมากที่สุดดังนั้นจึงควรฝึกฝังในเรื่องที่ดีและเรื่องที่เป็นบวกซึ่งจะส่งผลให้เด็กมีทัศนคติที่ดีสามารถพัฒนาชีวิตไปสู่ทิศทางบวกตรงกันข้ามกับการดูว่าและดุด่าต่อว่าหรือบ่นว่าเขาไม่เก่งจะเป็นการกระตุ้นให้เด็กบันทึกเรื่องราวลบๆลงไปในจิตใต้สำนึก ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะส่งผลทำให้มีทัศนคติในเชิงลบและมีพฤติกรรมในด้านลบออกมาในอนาคต การให้ความรักความอบอุ่นกับเด็กอย่างเต็มที่ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ตัวเด็กจะสามารถรับรู้ได้เป็นอย่างดีและแน่นอนว่าความรักความอบอุ่นของครูจะส่งผลต่อการเติบโตของเด็กโดยตรงและมีแนวโน้มที่เด็กจะเผื่อแผ่ความรักความอบอุ่นแบบนี้ไปยังบุคคลอื่นๆด้วยตรงกันข้ามถ้าหากเด็กขาดความรักและความเอาใจใส่เด็กเหล่านั้นย่อมต้องการความรักและแสดงออกโดยการเรียกร้องหาความรักซึ่งแน่นอนว่าพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆจะแสดงออกมาในทันทีดังนั้นครูของนีโอฮิวแมนนิส จึงต้องถือเป็นบุคคลที่อ่อนโยนยิ้มแย้มแจ่มใสให้คำชมพร้อมทั้งอบกอดเด็กอยู่เสมอ

Read more

โรงเรียนทางเลือกการเรียนรู้แบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์

รูปแบบการศึกษาในบ้านเราเป็นสิ่งที่มีมาอย่างยาวนานและใช้กันมาหลายสิบปีจนกระทั่งในวันนี้ที่โลกเปลี่ยนแปลงไปเรากลับพบว่าสิ่งต่างๆที่เราได้เรียนรู้และร่ำเรียนมาและรูปแบบการศึกษาไทยอาจจะไม่ใช่บทสรุปที่เหมาะสมกับเด็กทุกคนเสมอไปเพราะเหตุผลหลักข้อแรกที่เราต้องยอมรับความจริงที่ว่ามนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาให้เหมือนกันทุกคนแต่ระบบการศึกษาที่ถูกวางไว้ในแบบแผนเดียวกันกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำมาตอบโจทย์ให้ใช้ได้กับมนุษย์ทุกคนดังนั้นการศึกษาไทยจึงเป็นสิ่งที่ไม่ได้ตอบสนองให้เด็ก คนมีความสามารถที่จะเรียนรู้ได้อย่างดีและมีความสุขด้วยเหตุผลหลักข้อนี้ทำให้เกิดโรงเรียนทางเลือกซึ่งเป็นโรงเรียนที่นำแนวคิดและทฤษฎีที่แตกต่างจากการเรียนในระบบปกติมาใช้จัดการศึกษาและช่วยเพิ่มความหลากหลายในรูปแบบการศึกษามากยิ่งขึ้นซึ่งแน่นอนว่าการศึกษาในรูปแบบใหม่หรือโรงเรียนทางเลือกนั้นค่อนข้างที่จะตอบโจทย์และเหมาะสมกับเด็กทุกคน ทำความรู้จักกับ นีโอ-ฮิวแมนนิส หลายคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินชื่อนี้แต่ถ้าหากบอกว่าโรงเรียนทางเลือกเชื่อว่าทุกคนต้องร้องอ๋อเพราะมีสื่อแนวทางในการพัฒนาตนไปสู่การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทางร่างกายและจิตใจโดยการใช้วิธีการผลักดันแนวความคิดทางบวกซึ่งมีแนวความคิดมาจากโยคีชาวอินเดีย ที่ได้มีการนำศาสตร์ทางตะวันออกผสมผสานกับศาสตร์ทางตะวันตกเพื่อจัดการและออกแบบการเรียนรู้ให้เป็นรูปแบบการเรียนรู้สำหรับเด็กเล็ก ซึ่งการพัฒนาเด็กนักเรียนตามหลักนีโอ-ฮิวแมนนิส เป็นหลักการในการช่วยพัฒนาทักษะทุกๆด้านดังนี้ การพัฒนาด้าน physical literacy หมายถึงการมีร่างกายแข็งแรงได้สัดส่วนและมีความสวยงาม การพัฒนาทางด้าน mentally Strong วิธีการฝึกให้มีจิตใจมั่นคงเปิดกว้างและมีความเฉลียวฉลาด การพัฒนาทางด้าน spiritual Elevated  คือการฝึกจิตให้มีจิตสาธารณะ การพัฒนาทางด้าน academic knowledge…

Read more

ทฤษฎีหมวก 6 ใบกับการใช้ พัฒนาความคิด

กระบวนการคิดหรือความคิดเป็นกลไกการทำงานของสมองซึ่งเกิดขึ้นโดยธรรมชาติทันทีที่เราได้สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว โดยผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ตั้งแต่การมองเห็นการได้กลิ่นการรับรสรวมไปถึงการสัมผัส ทำให้เกิดกระบวนการทางความคิดต่างๆขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่าความคิดที่เกิดเป็นทัศนคติ ย่อมเกิดจากสิ่งแวดล้อม และประสบการณ์ในชีวิตที่เราพบเจอมาและความคิดต่างๆเหล่านี้ก็มีผลในด้านการพัฒนาตัวเองรวมไปถึงการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอีกทั้งยังมีผลต่อการคิดวิเคราะห์และการสรุปใจความได้อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กวัยเรียนการพัฒนาความคิดและทักษะทางด้านการคิดนั้นถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากซึ่งในปัจจุบันนี้ได้มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเรื่องทฤษฎีหมวก 6 ใบซึ่งมีผลทำให้มนุษย์มีการคิดอย่างมีประสิทธิภาพมีความสร้างสรรค์และรอบด้านมากยิ่งขึ้นดังนั้นวันนี้เรามา ทำความรู้จักกับทฤษฎีหมวก 6 ใบ นี้กัน หมวกสีขาว   หมายถึงข้อเท็จจริงที่มีความเป็นกลางต้องอาศัยข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับผลงานวิจัยหรือตัวเลขต่างๆเป็นองค์ประกอบ ดังนั้นการคิดโดยใช้หมวกสีขาวจะต้องอาศัยข้อมูลเท็จจริงโดยปราศจากความรู้สึกและทัศนคติส่วนตัวรวมไปถึงความคิดเห็นต่างๆของผู้ร่วมประชุมหรือผู้ร่วมในทีมนั้น หมวกสีแดง   หมายถึงการแสดงออกตามอารมณ์รวมไปถึงสัญชาตญาณและความรู้สึกอีกทั้งยังมีลางสังหรณ์เป็นองค์ประกอบดังนั้นการคิดโดยการใช้หมวกสีแดงจึงเป็นการคิดโดยการใช้ความรู้สึกส่วนตัวรวมกับเรื่องดังกล่าวทั้งทัศนคติความชอบและความไม่ชอบต่อเรื่องนั้นโดยที่ไม่ต้องมีการคำนึงถึงเหตุผลใดๆทั้งสิ้น หมวกสีดำ   เป็นความคิดเชิงลบหมายถึงการบอกปฏิเสธและบอกถึงสิ่งที่ไม่เหมาะสมไม่ควรปฏิบัติตนไปถึงจุดด้อยอุปสรรคและข้อจำกัดต่างๆที่เกิดขึ้น ดังนั้นการคิดโดยการสวมหมวกสีดำจึงทำหน้าที่เป็นเหมือนฝ่ายค้านที่จะคอยโต้แย้งว่าสิ่งใดไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงสิ่งใดไม่ใช่เพื่อช่วยให้การทำงานหรือการเรียนและการปฏิบัติงานต่างๆนั้นไม่เกิดความสูญเปล่าหรือสูญเสียโดยไม่จำเป็น หมวกสีเหลือง  …

Read more