5 การดูแลตนเองไม่ให้เป็นไข้หวัด

การเกิดไข้หวัด

กลับเข้าสู่หน้าฝนกันอีกแล้วสินะครับ นอกจากปัญหาการจราจรติดขัดและน้ำท่วมขังรอระบายตามจุดต่างๆ ของกรุงเทพแล้วนั้น…หลายๆ ท่านก็ต้องระวังสุขภาพร่างกายกันด้วยอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกับเรื่อง “ไข้หวัด” ซึ่งเป็นอะไรที่น่ารำคาญและน่าเบื่อมากๆ หากเป็นไข้กันครับ วันนี้เราจึงอยากพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “5 การดูแลตนเองไม่ให้เป็นไข้หวัด” ที่เราสามารถทำตามเพื่อป้องกันได้ครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับ

ทำความรู้จักกับโรค ไข้หวัด

ไข้หวัด เป็นโรคที่พบได้บ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในเด็กเล็กและเด็กที่เพิ่งเข้าโรงเรียนปีแรกๆ เพราะเด็กเล็กจะยังไม่เคยได้รับเชื้อไวรัสหวัดต่างๆ ที่มีมากมายหลายชนิดมาก่อน เมื่อเข้าเรียน ได้พบปะผู้คนมากขึ้นก็จะเจ็บป่วยได้บ่อย จนเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อหวัดชนิดต่างๆ มากขึ้น ก็จะป่วยเป็นไข้หวัดห่างขึ้น และมีอาการรุนแรงน้อยลง

สาเหตุของการเกิดไข้หวัด

โรคไข้หวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีอยู่มากมายหลายชนิด แต่ส่วนมากมักจะพบว่าติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า “ไรโนไวรัส (Rhinoviruses)” เชื้อเหล่านี้จะเข้าสู่ร่างกายได้ผ่านช่องทางจมูก ตา และปาก หรือการรับมาจากอากาศรอบ ๆ ตัวของเรา โรคไข้หวัดยังสามารถติดต่อจากผู้ป่วยได้ด้วยทั้งการใช้ของร่วมกัน หรือการสัมผัสตัวของผู้ป่วย เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคไข้หวัด เช่น เด็กที่มีอายุน้อย ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือการอยู่ในสภาพอากาศที่เพิ่มความเสี่ยง เช่น ฤดูฝน หรือฤดูหนาว

อันตรายที่มาพร้อมกับหน้าฝน

●อุบัติเหตุจากการทำงานกลางแจ้ง สำหรับผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง อุบัติเหตุที่มาพร้อมกับฝนที่พบบ่อยที่สุดก็คือการลื่นไถล

●อันตรายจากโรคระบาด ในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ความเย็นและความชื้นที่มากับฝนนั้น เป็นสภาวะที่เอื้อต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรคอย่างมาก ซึ่งโรคที่มักมากับหน้าฝนนั้น ก็จะมี โรคระบบทางเดินหายใจ อย่างไข้หวัดใหญ่ และปอดอักเสบ โรคระบบทางเดินอาหาร อย่าง อุจจาระร่วง และ อาหารเป็นพิษ

5 การดูแลตนเองไม่ให้เป็นไข้

ควรดื่มน้ำ 6-8 แก้วต่อวัน

แค่การดื่มน้ำหรือจิบน้ำบ่อย ๆ ตลอดวัน ก็ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายให้ทำงานได้เป็นปกติ ส่งผลให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างเต็มที่ แต่ที่สำคัญคือ ต้องหลีกเลี่ยงการใช้แก้วน้ำ หรือหลอดร่วมกับคนอื่นเด็ดขาด เพราะอาจเสี่ยงต่อการรับเชื้อ-แพร่เชื้อระหว่างกันได้

กินอาหารมากวิตามิน

เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลดโอกาสเจ็บป่วย
– กลุ่มวิตามินซี เช่น ส้ม ฝรั่ง มะขามป้อม มะขามเทศ เกรปฟรุต สตรอเบอร์รี่ กระเจี๊ยบ ดอกขี้เหล็ก ยอดมะขาม ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
– กลุ่มวิตามินอี เช่น ไข่แดง ปลาทูน่า ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
– กลุ่มพืชสมุนไพรและเครื่องเทศ เช่น กระเทียม หัวหอม ขิง ข่า ขมิ้นชัน ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้สุขภาพโดยรวมแข็งแรง และพื้นฐานโภชนาการที่สำคัญที่สุดคือ ควรเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลาย ครบ 5 หมู่ ปรุงสุกสดใหม่และสะอาดปลอดภัย รวมทั้งต้องใช้ช้อนกลางเสมอแม้จะอยู่ที่บ้าน เพื่อสุขอนามัยที่ดีทั้งครอบครัว

ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การอออกกำลังกายวันละ 30-60 นาที ช่วยเสริมกำลังกล้ามเนื้อและสร้างสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย แน่นอนว่าในสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ ทุกคนควรหลีกเลี่ยงการไปออกกำลังกายในที่ที่มีคนแออัด เช่น ฟิตเนส สนามกีฬา สระว่ายน้ำ แต่เรายังสามารถเลือกออกกำลังกายที่บ้านได้ง่ายๆ (Work Out at Home) ด้วยการออกสเตปขณะทำงานบ้าน เช่น ตากผ้าพร้อมสควอตเกร็งกล้ามเนื้อขา ถูบ้านโยกซ้ายขวาเผาผลาญพลังงาน เช็ดพื้นด้วยท่าแพลงก์หน้าไร้พุง ขัดห้องน้ำลุกนั่งกระชับสัดส่วน เป็นต้น หรือเลือกออกกำลังกายง่าย ๆ เช่น ซิตอัปบนเตียง ดูซีรี่ส์พร้อมปั่นจักรยานอากาศ ยกขวดน้ำสร้างกล้ามแทนดัมเบล เป็นต้น ช่วงที่ต้องอยู่บ้านนี้ เป็นโอกาสดีที่จะชวนทุกคนมาช่วยกันทำงานบ้าน เพราะได้ประโยชน์ถึง 3 ต่อ คือ ได้ทำความสะอาดครั้งใหญ่ ได้เชื่อมความสัมพันธ์ภายในครอบครัว และยังได้สุขภาพที่ดีไปพร้อมกัน

●นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนคือสิ่งสำคัญมากๆ เลยหล่ะครับ เพราะหากเรานอนไม่เพียงพอจะทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายลดต่ำจนทำให้เป็นไข้หวัดได้ง่ายนั้นเองครับ

ไม่ตากฝน เป็นข้อที่เราควรทำมากที่สุดเลยก็ว่าได้ครับ เพราะหากเราไม่ตากฝนที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายไม่สบายนั้น ก็จะตทำให้เราไม่ป่วยนั้นเอง

และนี้ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับ “5 การดูแลตนเองไม่ให้เป็นไข้หวัด” ที่น่าสนใจกันครับ หวังว่าจะเป็นแนวทางที่ดีและมีประโยชน์กันนะครับ

You Might Also Like